บทที่2 เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคุณลักษณะของธุรกิจ
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.บอกคุณลักษณะของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อม
2.บอกคุณสมบัติ อุดมการณ์ กลยุทธ์ ของผู้ประกอบการธุรกิจได้
3.มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบการธุรกิจ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.บอกบุคลิกภาพและคุณลักษณะของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมได้
2.มีความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติ อุดมการณ์ กลยุทธ์ ของผู้ประกอบการธุรกิจได้
3.มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบการธุรกิจ
4.นักเรียนสามารถเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับบุคลิกภาพและคุณลักษณะของนักธุรกิจ และคุณสมบัติ อุดมการณ์ กลยุทธ์ของผู้ประกอบธุรกิจได้
คุณลักษณะของนักธุรกิจ
คุณลักษณะของนักธุรกิจหรือบุคลิกภาพของนักธุรกิจ
หมายถึง ลักษณะ ท่าทาง หน้าตา การแต่งกาย การวางตัว ความเฉลียวฉลาด
และไหวพริบในการดำเนินกิจการของนักธุรกิจ
นักธุระกิจควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. มีการแต่งกายที่สุภาพ สะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกับเวลาและโอกาส
2. มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
3. มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าทำ และกล้าตัดสินใจ อย่างมีเหตุผล
โดยไม่หวั่นกลัวต่อการประสบความล้มเหลวในการดำเนินกิจการ
4. เป็นผู้มีไหวพริบดี สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไปได้
โดยมีความเสียหายน้อยที่สุด และไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา
5. เป็นผู้ฟังและผู้พูดที่ดี เพื่ออำนวยประโยชน์ในด้านการสื่อสารและติดต่อค้าขาย
6. เป็นผู้มองการณ์ไกล หมั่นศึกษาและหาประสบการณ์
เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมอยู่เสมอ
7. มีความอดทน มุมานะในการทำงาน และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า
ที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้
8. มีความซื่อสัตย์ในการให้บริการ หรือผลิตสินค้าให้อยู่ในมาตรฐานที่ตั้งไว้
ไม่ปลอมแปลงปลอมปน หรือใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพไม่ดี
ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการเพื่อหวังผลประโยชน์
9. มีความรับผิดชอบต่อลูกค้า คู่ค้า พนักงานในองค์กร และสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนมีความเมตตากรุณา การต้อนรับยินดี และรู้จักการเสียสละ
โดยมีแนวปฏิบัติดังต่อไปนี้
9.1 มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลที่เกิดจากการใช้สินค้าหรือบริการ
ของลูกค้าและคู่ค้า ยินดีที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยเห็นแก่ความถูกต้องยุติธรรมเป็นสำคัญ
9.2 ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กฎหมายแรงงาน และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
อย่างเคร่งครัด โดยลดการเอารัดเอาเปรียบคนงานและผู้บริโภค
จ่ายค่าแรงงาน และสวัสดิการในการบริโภคตามที่กฎหมายกำหนด
9.3 สร้างงานที่มีการจ้างแรงงานสูง เช่น งานก่อสร้าง งานการเกษตร และงานให้
บริการต่าง ๆ แม้ว่างานเหล่านี้ในแง่ธุรกิจอาจให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก แต่ก็เป็น
การช่วยสังคมให้มีอัตราการว่างงานน้อยลง
9.4 กำหนดราคาสินค้าหรือบริการให้เหมาะสม ไม่ควรกำหนดราคาสูงไปเพื่อ
หวังผลกำไรหรือไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในขณะที่เกิดเภทภัยต่าง ๆ
9.5 ป้องกันมลภาวะเป็นพิษทางด้านน้ำ อากาศและเสียงจากธุรกิจ
อุตสาหกรรม โดยมีระบบการกำจัดหรือควบคุมให้ถูกต้องและเหมาะสม
9.6 ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านการศึกษา ทั้งสถาบันของรัฐและเอกชนตาม
สมควรซึ่งทำได้โดยให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
ให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ฝึกงานแก่นักเรียนนักศึกษา
หรือเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิไปบรรยายให้นักศึกษาฟังในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น
9.7 ให้ความร่วมมือในด้านสุขภาพอนามัย ทั้งของพนักงานในสังกัดและบุคคลทั่ว
ไปตามโอกาสอันสมควร ตลอดจนสนับสนุนด้านสันทนาการและกิจกรรมต่าง ๆ
ของสังคม เช่น กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของลูกเสือชาวบ้าน กิจกรรมการกุศล
เป็นต้น
อุดมการณ์ซึ่งนักธุรกิจพึงมี ได้แก่
1. หมั่นประกอบการดี และประพฤติตนเป็นคนดี
2. มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยปฏิบัติให้สอดคล้องกับประโยชน์ของคนทั่วไป
3. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน
4. ดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงและยึดถือปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาคมการจัดการธุรกิจ
แห่งประเทศไทย
5. ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องปฏิบัติให้บรรลุวัตถุ
ประสงค์ของกิจการ โดยคำนึงถึงข้อปฏิบัติของการจัดการที่ดี
6. ละเว้นการปฏิบัติที่มีอคติต่อบุคคลอื่น ต้องตระหนักถึงศักดิ์ศรีความเสมอภาค
ของกลุ่มและบุคคล
กลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจ
การประกอบธุรกิจใด ๆ ก็ตาม อยู่ในสภาวการณ์ที่มีความเสี่ยงทั้งสิ้น เพราะอาจ
ประสบกับความล้มเหลวได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อม
เพื่อรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมีแนวทางต่อไปนี้คือ
1. รู้ศักยภาพของตนเอง การประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น
ผู้ประกอบการควรจะต้องรู้ระดับความสามารถของตนเอง
ทั้งในเรื่องทักษะและความชำนาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น การบัญชี
การตลาด และการขาย รวมถึงการบริหารงานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานในองค์กร
ตลอดจนสำรวจข้อดีและข้อเสียของตนเอง
เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น
2. รู้ตลาดสินค้าหรือบริการและลูกค้า การมีแผนการตลาดที่ดีเป็นปัจจัยนำไป
สู่ความสำเร็จ ดังนั้นการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดสินค้าหรือบริการและลูกค้าของตน
เอง จะทำให้สามารถวิเคราะห์และเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันในเรื่องแนวโน้ม
ความต้องการสินค้าหรือบริการ ปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินกิจการ โอกาสใน
การเข้าสู่ตลาด การเลือกทำเลที่ตั้งและกลุ่มเป้าหมาย วิธีขายสินค้า การกำหนด
ราคาสินค้าและบริการ ตลอดจนวิธีการส่งเสริมการขาย เพื่อให้เกิดผลดีต่อกิจการ
และสามารถสนองตอบตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
3. รู้สภาพการแข่งขันและคู่แข่ง ผู้ประกอบการจะต้องรู้จักคู่แข่งทางการค้า ซึ่ง
หมายถึงผู้ที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกับเรา ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง
ของกิจการ รวมถึงจุดเด่นของสินค้าและบริการนั้น ๆ เพื่อที่จะได้นำมาเป็นข้อมูล
ในการพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองให้เป็นที่นิยมของลูกค้ามากกว่า
4. รู้นโยบายส่งเสริมจาภภาครัฐและเอกชน โดยการหาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่ง
ให้การส่งเสริมการค้าและการลงทุน หรือหน่วยงานที่ให้บริการเพื่อสนับสนุนธุรกิจ
ต่าง ๆ เช่น กระทรวง ทบวง กรม สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชน บรรษัทเงินทุน
หรือธนาคาร เพื่อที่จะได้ทราบว่าในช่วงระยะเวลานั้น ๆ หน่วยงานใดสนับสนุนให้
ประกอบธุรกิจประเภทใดบ้าง จึงจะสามารถผลิตสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความ
ต้องการได้
5. รู้แนวทางการวางแผนการเงินในระยะยาว เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ในการดำเนินธุรกิจโดยจะต้องวางแผนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการประกอบการ มีเงิน
สำรองสำหรับการพัฒนาธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า และใช้แก้ไขวิกฤตการณ์ทางการ
เงินที่คาดไม่ถึง ตลอดจนสามารถรับภาระในการกู้ยืมเงินได้โดยไม่เดือดร้อน
6. รู้วิธีการทำบัญชี เพื่อนำไปเป็นข้อมูลสำหรับตรวจสอบค่าใช้จ่ายในกิจการ
อันได้แก่รายรับ รายจ่าย ภาษี กำไร และขาดทุน ซึ่งจะนำไปใช้ในการเปรียบเทียบ
รายได้ของปีปัจจุบันกับปีที่ผ่านมาว่าผลการบริหารงานและเป้าหมายด้านความ
สำเร็จแตกต่างกันอย่างไร หากผู้ประกอบการมีความสามารถในการทำบัญชีก็จะ
ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ และสามารถวางแผนการ
เติบโตของธุรกิจได้ในอนาคตได้
7. รู้วิธีบริหารงานให้มีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ โดยใช้ทักษะในด้าน
ความเป็นผู้นำที่ดี สามารถควบคุมและจูงใจให้ทีมงานทำงานได้ตรงตามเป้าหมาย
มีความยืดหยุ่นในการทานสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และพร้อมรับมือกับ
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
8. รู้วิธีขายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพราะคุณภาพของสินค้าและบริการ
เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของกิจการ ถ้าสินค้าหรือบริการไม่เป็นที่พอใจของ
ลูกค้า ลูกค้าก็จะไม่มาซื้อสินค้าอีก หรืออาจนำไปบอกต่อทำให้ธุรกิจเกิดความ
เสียหาย ดังนั้นจึงควรพัฒนาและปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้ตรงตามความต้อง
การของลูกค้าหรือผู้บริโภคอยู่เสมอ
9. รู้วิธีการเลือกบุคลากรมาร่วมงาน เจ้าของกิจการควรคัดเลือกและจัด
บุคลากรให้เหมาะสมกับลักษณะงาน โดยเมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ร่วมงานคนใดมีความ
ถนัดหรือชำนาญทางด้านใดก็จัดสรร ให้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่นั้น ๆ และควรมี
การฝึกอบรมก่อนปฏิบัติงานจริง เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงาน นอกจากนี้
เจ้าของกิจการควรหาวิธีจูงใจให้ผู้ร่วมงานมีกำลังใจในการปฏิบัติ งานเพื่อให้ได้
ผลงานที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
10. เลือกทำเลที่ตั้งกิจการได้เหมาะสม โดยพิจารณาจากชนิดหรือลักษณะ
ของสินค้าหรือการบริกาและกลุ่มเป้าหมายเป็นหลักการมากกว่าความสะดวกสบาย
ส่วนตัวของเจ้าของกิจการ และควรเป็นสถานที่จอแจ คือ มีทั้งคนเดินถนนและรถ
อยู่ในย่านธุรกิจ และมีสถานที่จอดรถ นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงค่าเช่าสถานที่ มี
บริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งผลิตและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีความสะดวกในการขนส่ง
สินค้าและบริการ ตลอดจนเป็นไปตามเขตพื้นที่ที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อการขยาย
ธุรกิจในอนาคต
ขอขอบพระคุณ
คุณครูดรุณี กันธมาลา
และบทความ จาก
http://school.obec.go.th/wichienmatu2/doc/business.htm
|